ในอดีตวิถีชีวิตของม้งได้รับการสืบทอดวิธีปฏิบัติบูชาเพื่อการรักษาโรคภัยต่าง ๆ มาจากบรรพชนสามารถที่จะขับผีร้ายที่เข้าสิงสู่อยู่ใน ร่างของผู้ป่วยได้ และได้มีนิยายปราบปรามเกี่ยวกับการรักษาโรคของม้งดังนี้ นานมาแล้วได้มีเรื่องเล่าว่า มีหมอผีคนหนึ่งชื่อ “ฉียี” แปลว่า หมอผู้ทรงวิทยาคุณ อยู่มาวันหนึ่งหมอฉียีได้ผ่านมาพบไข่พญานาคอยู่ที่เชิงผา หมอฉียีได้ทุบไข่พญานาคให้แตกเรียบร้อยแล้วหมอ ฉียีได้กลับบ้านพอผ่านไปได้สามวัน หมอฉียีได้กลับมาดูไข่พญานาคอีกครั้ง แต่พบว่าไข่พญานาคกลับคืนสภาพเหมือนเดิมจากนั้นหมอ ฉียีได้ทุบไข่พญานาคให้แตกเรียบร้อยทุกใบ แล้วก็กลับบ้าน พอผ่านไปหนึ่งวันก็กลับมาดูไข่พญานาคอีกแต่พบว่าไข่ที่ทุบเรียบร้อยนั้น กลับมาในสภาพเดิมอีก หมอฉียีจึงได้สงสัยมากจึงได้ตัดสินใจทุบไข่พญานาคอีกครั้ง แล้วหาที่หลบซ่อนเพื่อดูความเปลี่ยนแปลงของ
พญานาคอีกครั้ง พอเวลาผ่าน ไปได้สักพักหนึ่ง แม่พญานาคได้กลับมาพบว่าไข่ของตนเองได้แตกเรียบร้อยหมดแล้วแม่พญานาค จึงตรงไปที่หน้าผาแล้ว เด็ดต้นยาต้นหนึ่งจากหน้าผามาเคี้ยวแล้วถ่มไข่ที่แตก ถ่มครั้งแรกไข่ก็ดีขึ้นมานิดหนึ่ง ถ่มครั้งที่สองไข่ก็ดี ขึ้นอีก ถ่มครั้งที่สามไข่ก็กลับมาสภาพดีเหมือนเดิม จากนั้นหมอฉียีได้นั่งรอจนกว่าแม่พญานาคจากไป จึงได้เอาหินทุบไข่ให้แตกเรียบร้อย แล้วปื่นหน้าผาเอาต้นยานั้นกลับไปดูแลที่บ้าน เมื่อเวลาผ่านไปสองวันหมอฉียีได้กลับมา ดูไข่ที่ตนเองทุบไวแต่เห็นว่าไข่ที่ตนทุบ ไว้นั้นเน่าเสียเรียบร้อยไปแล้ว หมอฉียีได้กลับบ้านมาดูแลต้นยาให้ดี และคนใน หมู่บ้านที่ล้มป่วยหมอฉียีได้ทำการรักษาจนหายเจ็บป่วย ส่วนคนที่ตายก็สามารถพื้นขึ้นมา
 จากนั้นหมอฉียีได้มีชื่อเสียงโด่งดังมาก มีคนรู้จักไปทั่ว หมอฉียีได้ตั้งชื่อต้นยานั้นว่า “กั๊วมั้วจั๊ว”ต่อมา ผีนรกหรือผีด๊า จึงเห็นว่าหมอฉียีมีความสามารถเกินไป จึงได้ส่งผีนรกหรือผีด๊า จำนวน 7 ตน มากินคนในหมู่ บ้านนั้น จากนั้นหมู่นั้นก็ได้มีคนตายมาก จนทำให้หมอฉียีฉียีรักษาไม่ทันจนกระทั่งในวันหนึ่งหมอฉียี ได้พบกับผีด๊า หรือผีนรกนั้น จึงได้คิดกลอุบายในการล่อฆ่าผีด๊าเหล่านั้น หมอฉียีกับผีด๊าทั้ง 7 ตนได้มาต่อรอง กันส่วนหมอฉียี ได้ต่อว่าผีทั้ง 7 ตน ว่าเพราะผีทั้ง 7 ทำให้ตน รักษาคนไม่ทัน และให้ผีทั้ง 7กางแขนข้าง หนึ่งออกหมอฉียีได้ก้ม มองดูที่ใต้รักเร้ของผี หมอฉียีได้เห็นว่าคนที่ตายมีเยอะมากดังนั้นหมอฉียี ได้ต่อว่าพวกผีด๊า หรือผีนรกเหล่านั้น ส่วนผีทั้ง 7 ตนก็ได้บอกให้หมอฉียีกางแขนออกข้างหนึ่ง แล้วก้มด ที่ใต้รักเร้ของหมอฉียี แล้วพบว่ามีหมูเป็ดไก่ที่เซ่นไหว้มีมากมาย หมอฉียีได้วางแผนในการล่อผีด๊า 7 ตนนั้น ว่าพวกแกจะกินคนก็ได้ แต่ขอให้พากันไปยืนตรงที่เชิงผา และฉันจะยืนอยู่ตรงนี้พ่นยาใส่พวกแก ถ้าฉันโงนเงนล้มลง เป็นอันว่าฉันแพจะให้ผีด๊ากินคนให้หมดโลกเลยแต่ถ้าฉันไม่ล้มพวกแกก็จะต้องหยุด กินคนทันที เมื่อหมอฉียีได้หลอก ให้ผีด๊ายืนที่หน้าผา แล้วหมอฉียีได้พ่นยาให้ผีด๊าครั้งแรกหมอฉียีก็ แกล้งทำเป็นจะล้มผีด๊าก็หัวเราะชอบใจ พอครั้งที่ สองเค้าก็ทำเหมือนเดิมผีด๊าหัวเราะชอบใจนึกว่าฉียีต้อง แพ้แน่นอน พอพ่นครั้งที่สามผีด๊าทั้ง 7 ตนก็กลายเป็นหิน หมดเลย จากนั้นหมู่บ้านได้สงบอีกครั้ง
เมื่อเวลาผ่านไปสองวันเมียของผีด๊าทั้ง 7 คนไม่เห็นสามีตัวเองกลับมา จึงได้ขึ้นมาในยมโลก และหลอกล่อ ฉียีให้ไปรักษา หรืออั๊วเน้งที่เมืองผี และเมียผีจึงได้แอบมาเอาชีวิตของลูกชายคนโต ของฉียีไปฆ่าเป็นหมู เพื่อจะใช้ในการรักษาสามีตัวเอง (ม้งมีความเชื่อว่าเมื่อคนที่ตายไปแล้วไปถึง เมืองผีจะกลาย เป็นสัตว์ทันที) ดังนั้นสัตว์ที่เมียของผีทั้ง 7 ตนเอามาให้หมอฉียีรักษา หรืออั๊วเน้ง พอเสร็จสิ้นพิธีการรักษาแล้วเมียผี ทั้ง 7 ตน จึงได้ตักหมูที่นำมารักษาให้หมอฉียีกินแต่หมอฉียี มีความรู้สึกแปลก ๆ แต่ก็ต้องยอมตักเอาตับ (เชี้ย) มาหนึ่งชิ้นแล้วกินเรียบร้อยทันใดนั้น จื้อเน้ง หรือเครื่องมือที่ใช้ในการอั๊วเน้ง หรือทำผีก็หมุนกลิ้งลงมาสู่โลกฉียี จึงรีบติดตามมาพอมาถึงบนโลกนี้ ได้รู้ว่าลูกชายของตนเองตายเสียแล้ว และเห็นญาติได้ทำพิธีศพกัน
หมอฉียีโกรธมากจึงได้นำยามาพ่นใส่ลูกชายหนึ่งครั้ง สภาพสีเนื้อก็ดีขึ้นพ่นครั้งที่สองก็ดี ขึ้นพ่นครั้งที่สามแล้ว ลูกชายก็ฟื้นขึ้นมา แต่ด้วยว่าหมอฉียีได้กินหัวใจไปข้างหนึ่งแล้ว จึงทำให้ลูกชายเจ็บปวดมาก ลูกชายบอกให้หมอฉียีรักษาตนเองให้หายดีกว่านี้ แล้วหมอฉียีจึงได้พ่นยาใส่ลูกชายอีกครั้ง ทำให้สภาพเนื้อของลูกชายอืดขึ้น บวมขึ้น พ่นครั้งที่สองก็เริ่มเน่าพ่นครั้งที่สามร่าง ของลูกชายเน่าจึงไม่สามารถรักษาได้ หมอฉียีเสียใจมากจนอยากจะตามลูกชายไปในเมืองผเขาจึงบอกว่า เขาจะไม่เอาเครื่องอั๊วเน้งไป ถ้ามีใครอยากเรียนก็มาเรียนจากเขาข่าวนี้แพร่กระจายออกไปทั่ว แต่ก็ไม่มีใครอยากเรียน จนกระทั่งมีคนหนึ่งอยากจะเรียนอั๊วเน้ง แต่บ้านอยู่ไกลมาก กว่าจะมาถึงบ้านหมอฉียี หมอฉียีก็ตายแล้ว แต่ก่อนหมอฉียีจะตาย หมอฉียีได้ฝากบอกว่ารอไม่ไหว แล้ว หมอฉียีจะไปอุจจาระไว้บนภู้เขาถ้าใครมาเรียนก็ให้ไปกินกองอุจจาระของหมอฉียี เพราะอุจจาระของหมอฉียีนั้น จะเป็นตำราวิเศษที่ผู้เรียนเมื่อกินเข้าไปแล้ว จะสามารถเรียนรู้ในการรักษาโรคต่าง ๆ ของม้งได้ ก่อนที่หมอฉียีจะตาย ได้สั่งไว้ว่าต้องกินกองอุจจาระนั้นให้หมดจึงจะมีความรู้ความสามารถทัดเทียมกับหมอฉียดังนั้นเมื่อชายที่ต้องการเรียน มาถึงบ้านฉียีก็ได้เห็นเขาจัดงานศพให้หมอฉียีไปแล้ว และได้ถามเจ้าของบ้านว่า หมอฉียีได้สั่ง หรือฝากอะไรให้หรือเปล่า เจ้าของบ้านจึงบอกว่า ฉียีได้ฝากกองอุจจาระให้ไปกิน พอชายคนนั้นได้ฟังดังนั้น จึงขึ้นไปบนภูเขาแล้วเห็นกอง อุจจาระของ
หมอฉียีทิ้งไว้ กองอุจจาระกองใหญ่มาก มีหนอนไต่อีกทำให้ชายคนนั้นไม่กล้าที่จะไปกินอุจจาระนั้นคิดอยู่นานมากจึงตัดสินใจ เอามือแตะนิดหนึ่งขึ้นมากิน แล้วกองอุจจาระนั้นก็กลายมีขนาดเล็กมาก จากนั้นอุจจาระก็หายไป ชายคนนั้นก็ได้กลับบ้าน และก็ได้เป็นหมอผีที่มีความสามารถในการทำผี หรืออั๊วเน้ง รักษาคนป่วยให้หาย แต่ไม่ทัดเทียมกับหมอฉียี ชายคนดังกล่าวเป็นได้แค่อั๊วเน้งอย่างเดียว ส่วนต้นยานั้นไม่รู้จึงรักษาคนป่วยได้บ้างไม่ได้บ้าง
ที่มา www.hilltribe.org